วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

มารยาทในที่ทำงาน

มารยาทในที่ทำงาน มีข้อควรปฏิบัติดังนี้

1. “คนและบริษัท” บริษัทประกอบไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ที่สำคัญที่เราต้องมีมารยาท ที่ดีด้วยก็คือคน ผู้ที่เข้ากับคนอื่นไม่ได้ดีก็ย่อมทำงานไม่ได้ จำได้ว่าเคยเขียนให้อ่านครั้งหนึ่งว่า “ไม่มีความชำนิชำนาญใดๆมาทดแทนความชำนิชำนาญในการเข้ากับบุคคลอื่นได้” การอยู่ในบริษัทประการแรกที่เราต้องกระทำดีต่อ หรือมีมารยาทที่ดีต่อก็คือการเข้ากับเพื่อนร่วมงานให้ได้ คำว่า “เอาใจเขาใส่ใจเรา หรือเอาใจเราใส่ใจเขา” หรือเอาทั้งใจเราใจเขามาใส่ทั้งในเราใจเขาก็ช่างเถอะ มีความหมายที่ดีทั้งนั้น แปลรวมความว่านึกถึงเขาบ้าง ว่าเขาหรือคนอื่นจะคิดอย่างไร ถ้าเราทำอย่างนี้ ถ้าคำตอบว่า”ไม่แน่ใจ” หรือ”คงไม่ชอบมั้ง” หรือ “ช่างเขาเถอะ” ละก้อ อย่าทำเลย เพราะ ล้วนแต่สิ่งที่ไม่มีมารยาททั้งสิ้น “ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง...”นะเป็นเรื่องจำเป็นเหลือเกิน

2. “กฎระเบียบของบริษัท” นี่คือมารยาทที่สำคัญประการที่สองในการอยู่ในที่ทำงาน กฎเกณฑ์ หรือระเบียบต่างๆล้วนตั้งขึ้นมาเพื่อให้พวกเรา-ซึ่งมีอยู่มากมายได้อยู่ร่วมกัน อยู่ภายใต้ชื่อบริษัท เดียวกันได้อยู่ได้ในมาตรฐานเดียวกัน ได้รับการปฏิบัติจากบริษัท จากเพื่อนร่วมงานเหมือนกัน รวมทั้งจะได้รับสิ่งต่างๆในมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้นกฎระเบียบตั้งขึ้นเพื่อพวกเราเองโดยแท้ ผู้ที่มี มารยาทในที่ทำงานจึงต้องเคร่งครัดในการปฏิบัติตาม อย่ามองว่าระเบียบมากมายอึดอัด ไม่ต้อง มีระเบียบเราก็ทำดีอยู่แล้ว คำพูดนี้นึกถึงนักเรียนที่เคยสอน เมื่อก่อนเป็นครูใจร้าย ใครไม่ท่อง ศัพท์ที่กำหนดให้แต่ละวันจะต้องถูกตีด้วยไม้บรรทัดพลาสติก 2 อันควบกัน แล้วก็หัก ครูก็จ่ายไป 2 หรือ 3 บาทแล้วแต่ราคาสมัยโน้น..น.(พวกเรายังไม่เกิดนั่นนะ) “...นักเรียนก็โวยว่าครูไม่เห็นต้องตีพวกเราก็ท่องอยู่แล้ว ทำไมต้องตีด้วย ครูก็บอกเขาว่า นั่นไง ครูไม่ได้ตีคนที่ท่องศัพท์ ดังนั่นคนที่ ท่องศัพท์ก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไร กฎอันนี้ไม่ใช้กับ พวกเธอที่ท่องศัพท์ แต่ใช้กับคนที่ไม่ท่องศัพท์”...” นักเรียนก็โวยว่าครูไม่เห็นต้องตีพวกเราก็ท่องอยู่แล้ว ทำไมต้องตีด้วย ครูก็บอกเขาว่า นั่นไง ครูไม่ได้ดีคนที่ท่องศัพท์ ดังนั้นคนที่ท่องศัพท์ก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไร กฎอันนี้ไม่ใช้กับพวกเธอที่ท่องศัพท์ แต่ใช้กับคนที่ไม่ท่องศัพท์ต่างหากศัพท์ กฎระเบียบของบริษัทก็เหมือนกัน เราไม่ต้องไปอึดอัดเพราะกฎระเบียบก็คือ เกณฑ์ที่ทุกคนจะอยู่ได้สบายดี ถ้าอยู่อย่างสุภาพเรียบร้อยมีมารบาทในทุกเรื่องแล้วก้อเราก็ลืมได้ เลยว่ามีกฎระเบียบ บุคคลที่ไม่อยู่ในระเบียบข้อบังคับแปลว่าเอาเปรียบเพื่อน เพื่อนมาทำงาน เช้าตามเวลาที่กำหนด เรากลับมาสาย เพื่อนทำงานได้ตามเป้าหมาย เรากลับไม่ใส่ใจ.ฯลฯ อย่าง นี้ล้วนตกในหัวข้อมารยาทในที่ทำงานในหมวดว่าด้วยกฎระเบียบของบริษัท

3. "การพูดจากทักทายกับเพื่อนในบริษัท" มารยาทเรื่องนี้สำคัญมาก อย่างน้อยมาถึงที่ทำงาน กันก็ทักทายกันเสียหน่อยพอให้รู้ว่าเห็นเรา ไม่ใช่เรานั่งอยู่เธอเดินเข้ามาด้วยมาดอันเคร่งขรึมมาถึง ก็นั่งในทีโต๊ะทำงาน ไม่พูดจากับใครเลย อย่างนี้เดี๋ยวเพื่อนๆจะพากันเข้าใจผิดว่าได้บรรลุวิชา หายตัวได้แล้ว เพราะมีคนเข้ามาแล้วมองไม่เห็น ใครมีลูกแล้วก็หัดให้ทักทายพ่อแม่พี่น้องทุกวัน หัดอย่างไร ก็พอลูกตื่นมา พ่อแม่ก็ทักทายเสียก่อนว่า"สวัสดีลูก" อะไรทำนองนั้น ในที่ทำงานการ ทักทายกันถือเป็นมารยาทที่สำคัญมาก เพราะการทักทายจะทำให้วันนั้นเริ่มต้นด้วยความอบอุ่น สนิทสนมกัน อากาศจะบริสุทธิ์มากขึ้น และการทักทายก็คงเริ่มด้วยคำพูดในแง่บวกอย่างที่เคยได้ สอนอบรมไปกันแล้ว และต้องไม่เริ่มตอนเช้าด้วยการเอาเรื่องไม่สบายใจของตนเองมาเล่าให้เพื่อน ฟัง ไม่ว่าเรื่องแฟน เรื่องลูก หรือซื้อหวยไม่ถูก เพราะในตอนเช้าไม่มีใครอยากฟังนักหรอกในเรื่อง เหล่านั้น

4. "การติดต่อสื่อสารกันภายในบริษัท" ข้อนี้รวมทั้งการติดต่อสื่อสารระหว่างหัวหน้า ระหว่าง เรากับลูกค้า ระหว่างพวกเราด้วยกันเอง สิ่งหนึ่งที่อยากจะเน้นก็คือการติดต่อสื่อสารกันในทุก เรื่องที่พวกเราได้รับทราบมาจากสำนักงานใหญ่ บางครั้งบางคนก็ไปร่วมประชุมมา กลับมาก็ต้อง กลับมาก็ต้องมาบอกกล่าว มาเล่ากันให้ฟังอย่างชัดถ้อยกระทงความ เนื้อหา เหตุผล และแนวทางปฏิบัติไม่ใช่ ว่ากลับมาก็เริ่มเลย "อีกแล้วพวกเรา เหนื่อยกันอีกแล้ว..." มาบอกกล่าว มาเล่ากันให้ฟังอย่างชัดถ้อยกระทงความ เนื้อหา เหตุผล และแนวทางปฏิบัติ ไม่ใช่ ว่ากลับมาก็เริ่มเลย "อีกแล้วพวกเรา เหนื่อยกันอีกแล้ว..." อะไรทำนองนี้ อย่างนี้ไม่เรียกการสื่อสาร แต่เรียกว่าประชุมเพลิง

5. "บุคลิกส่วนตัวในที่ทำงาน" คำว่าบุคลิกหมายถึงพฤติกรรมโดยส่วนรวมของบุคคลนั้นที่ แสดงออกมาหรือกระทำออกมาในที่ทำงาน ตั้งแต่ความสะอาดของร่างกาย ความเพียงพอในการ การพักผ่อน การแต่งกาย การแต่งกายประหลาดอยู่คนเดียวในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องโก้เก๋อะไร หรือ การทำงานในลักษณะหมดสภาพ "หนังสือปกสวยย่อมขายดี" ก็เคยพูดแล้ว ดังนั้นการกระทำ การคิด การแต่งกาย การพูดจา การติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่นทั้งหมดนี้คือ "บุลิคภาพส่วนตัวในที่ทำงาน" ลองสำรวจ และแก้ไขเสีย..คนเราย่อมพลั้งเผลอได้



ที่มา : http://www.geocities.com/trainingcons/home00162.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น